ปี 2049 จีนจะก้าวเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาโลก เป็นจุดหมายปลายทางของการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่น่าดึงดูดที่สุดของโลกในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนี้ จีนยังต้องปรับตัวอีกหลายด้าน ปีที่ผ่านมา มีนักศึกษาต่างชาติในประเทศจีนกว่า 4 แสนคน แต่จำนวนนักศึกษาจีนในต่างประเทศมีมากยิ่งกว่าถึง 5 แสนคน และมากกว่า 90% ของนักเรียนจีนในต่างประเทศเหล่านี้ ได้รับค่าเล่าเรียนจากครอบครัว ขณะที่นักเรียนต่างชาติในจีนส่วนมากได้รับทุนการศึกษา
วิชาที่นักศึกษาเลือกเรียน สำหรับนักศึกษาจีนในต่างประเทศ จะเลือกเรียนวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ในขณะที่นักเรียนชาวต่างชาติในจีนจะเลือกเรียนภาษาจีนหรือยาจีนโบราณ
แต่ความยากง่ายในการสอบเข้าเรียนกลับต่างกันลิบลับ การสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศของนักศึกษาจีนเป็นเรื่องยาก ต้องเป็นเด็กที่เรียนดีจึงจะสามารถผ่านการทดสอบเข้าไปได้ ในทางตรงกันข้าม จีนยังไม่มีมาตรฐานการทดสอบทางวิชาการในการคัดเลือกนักศึกษาต่างชาติ จึงทำให้นักศึกษาต่างชาติในจีนอาจจะเรียนได้ไม่ค่อยดีนัก
เพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งที่จีนต้องปรับคือ หนึ่ง จีนต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติในการศึกษาขั้นสูงของประเทศ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างใช้เวลานาน ศูนย์กลางการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปัจจุบันคือสหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่าจีนต้องเก่งด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สอง ปรัชญาการศึกษาของประเทศจีนจะต้องเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติเช่นเดียวกัน ชาวจีนบางคนเชื่อว่ามหาวิทยาลัยของอเมริกาและจีนไม่ต่างกันมากนัก โดยลืมไปว่าในสหรัฐฯ มีความหลากหลายและมีการแข่งขันที่สูงกว่า จีนจึงจะต้องพัฒนาระบบการศึกษาให้มีความหลากหลายและสามารถแข่งขันได้ และให้มหาวิทยาลัยมีอิสรภาพมากขึ้น
และสาม มหาวิทยาลัยของจีนควรได้รับอนุญาตให้คัดเลือกอาจารย์ได้จากทั่วโลก ซึ่งสหรัฐฯ ทำมาหลายทศวรรษแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นสำคัญที่จีนควรรีบปรับปรุง คือการเพิ่มเกณฑ์การรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนให้เข้มงวดขึ้น
หลายประเทศที่ดึงดูดนักเรียนต่างชาติจำนวนมากเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยได้ มักมีระบบการศึกษาระดับประถมและมัธยมที่ดีอยู่แล้ว จีนจึงต้องปรับปรุงคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านเนื้อหา สิ่งอำนวยความสะดวก และกฎระเบียบต่าง ๆ
ภายในปี 2020 มีการคาดการณ์ไว้ว่าจีนจะมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนกว่า 500,000 คน ด้วยแรงผลักดันจากโครงการ One Belt One Road ก็ทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาจากประเทศไทย อินเดีย ปากีสถาน อินโดนีเซีย และลาว ที่เพิ่มขึ้นกว่า 20%
นอกจากนี้ จีนยังมีนโยบายที่จะอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติได้ฝึกงานหลังจากเรียนจบ และส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ ๆ และ startup ในประเทศ อีกทั้งบริษัทจีนจำนวนมากที่เริ่มลงทุนในประเทศ "B&R" ก็ยิ่งสร้างโอกาสในการทำงานสำหรับคนในประเทศนั้น ๆ มากขึ้น และกระตุ้นการเข้ามาเรียนในประเทศจีน
และเมื่อจีนกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาโลกในปี 2049 เราอาจไม่ต้องส่งลูกหลานเราไปเรียนไกลถึงทวีปอเมริกาหรือยุโรป แต่อยู่ใกล้แค่ในเอเชียของเรานี่เอง
ที่มา: CHINADAILY, TIMESHIGHEREDUCATION, CCG