รู้หรือไม่ว่าจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าขยะรายใหญ่ที่สุดในโลกตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่นั่นกำลังจะเปลี่ยนไป หลังจากที่กรุงปักกิ่งประกาศแบนขยะ 24 ชนิด เริ่มเมื่อเดือนมกราคมปีนี้
ก่อนที่จะมีการแบน จีนจัดการขยะมากกว่าครึ่งหนึ่งของขยะโลก และจุดพีคทีี่สุดของการนำเข้าเศษขยะคือประมาณ 9 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนเป็นผู้ก่อมลพิษอันดับต้นของโลก
ขยะจะถูกนำมารีไซเคิลและกลายเป็นวัตถุดิบ / วัสดุราคาถูก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่การผลิตของจีน จากของเล่นเด็กไปจนถึงชิ้นส่วนรถ การแบนขยะจากต่างประเทศอาจทำให้จีนขาดวัสดุราคาถูกเหล่านี้ไป อย่างไรก็ดี จากจำนวนชนชั้นกลางในจีนที่เติบโตขึ้น ก็จะทำให้มีการบริโภคมากขึ้น และเกิดการรีไซเคิลมากขึ้นตามไปด้วย
การแบนขยะนี้ นับว่าเป็นชัยชนะสำคัญสำหรับนักสิ่งแวดล้อมในการพยายามรักษาโลกสีเขียวของเราเอาไว้ ไม่เพียงแต่ประเทศจีนจะสะอาดขึ้น แต่ยังเป็นการบังคับให้ประเทศอื่นจัดการขยะของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการแบน ผู้ที่ส่งออกขยะไปยังจีนมากที่สุดได้แก่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น US, UK, EU และญี่ปุ่น ยังคงวุ่นอยู่กับการหาประเทศใหม่ในการส่งออกขยะแทนจีน
แต่ก็มีบางประเทศที่ได้ปรับปรุงวิธีการจัดการขยะ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้นของจีน เช่น US ที่ได้เริ่มต้นใช้ AI เพื่อจัดเรียงขยะประเภทต่าง ๆ แล้ว แต่ก็ขอให้จีนยกเลิกการแบนดังกล่าว
EU กำลังคิดถึงการเก็บภาษีการใช้พลาสติก ส่วน UK กำลังเบนเข็มไปทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังไม่มีทางออกระยะยาวสำหรับระเบียบการจัดการขยะใหม่ของโลก
ในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่การนำเข้าขยะของจีนลดน้อยลง ประเทศในภูมิภาคของเราเช่น มาเลเซีย เวียดนาม และไทย กลับพุ่งสูงขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจทดแทนจีนได้อย่างเพียงพอ
ขณะนี้ประเทศจีนกำลังพยายามอย่างมากในการทำให้อากาศ น้ำ และดิน สะอาดขึ้น โดยได้ปิดโรงงานที่ก่อมลพิษนับหมื่นแห่ง และผลักดันให้มีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดยปธน. Xi Jinping
การแบนขยะของจีนนี้ นอกจากจะเป็นสัญญาณเตือนแก่ประเทศต่าง ๆ ในการจัดการขยะแล้ว ยังเป็นสัญญาณที่ดีให้กับนักลงทุน ในการหันมาลงทุนทางด้านการรีไซเคิล / การจัดการขยะกันให้มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา: CNBC, CBC, en.people.cn
By Bangkok Innovation House Team
